“ห้ามยั่วให้ฉันตบะแตกเด็ดขาดนะขวัญข้าว เรื่องนั้นมันต้องไม่เกิดขึ้นอีก”
น้ำเสียงเด็ดขาดของโตมรทำเอาขวัญข้าวใจหาย รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเบา ๆ ก่อนจะถูกผลักซ้ำแรงขึ้นด้วยประโยคต่อไป
“ฉันยอมชดใช้ให้ตามที่เธอขอแล้ว แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์พาตัวเองมาใกล้ชิดฉัน หรือมาทำอะไร ๆ กับฉันจนเกิดเรื่องเสื่อมเสียแบบนั้นขึ้นอีก”
เธอเป็นเรื่องเสื่อมเสียในชีวิตเขา... ขวัญข้าวหนาววูบไปทั่วร่าง น้ำตาเอ่อขึ้นมานองหน้าอีกครั้ง ความดีใจที่จะได้มาอยู่ดูแลโตมรอย่างใกล้ชิดหายวับไป เหลือไว้เพียงความอับอายขายหน้าที่ชายหนุ่มพูดราวกับรังเกียจเดียดฉันท์
ใช่สิ เธอมันต่ำต้อย ไม่มีอะไรคู่ควรที่จะพาตัวเองไปใกล้ชิดเขา
ไม่น่าเลยข้าว ไม่น่าลืมตัวเลย
“ค่ะนาย หนูจะไม่ทำอะไรให้นายต้องเสื่อมเสียแน่นอนค่ะ”
“มาตกลงเรื่องเป็นแฟนกันดีกว่า”
“ได้ค่ะ สามเดือน เริ่มนับจากวันนี้เลยหรือเปล่าคะ” อินทุอรกระตื้อรือร้น เปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดปฏิทินเพื่อจะได้ลงบันทึกเอาไว้กันลืม
“อืม งั้นตอนเย็นก็กลับบ้านพร้อมพี่” เตชินท์ไหวศีรษะเล็กน้อยก่อนพยักหน้าพึมพำในลำคอ
“แต่ส้มโอขับรถมานี่คะ”
“เออว่ะ... งั้นเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ดีกว่า พี่จะไปรับเราที่บ้าน เที่ยงก็กินข้าวด้วยกัน เย็นก็กลับพร้อมกัน โอเคตามนี้”
“นั่นคือวิถีชีวิตของคนเป็นแฟนกันหรือคะ”
อินทุอรอยากกลอกตาใส่เขาซะจริง ๆ ผู้ชายอะไร บริหารงานบริษัทได้อย่างแพรวพราว แต่บริหารการเป็นแฟนได้น่าเบื่อหน่ายมาก
“แล้วไม่ใช่หรือไง อย่าบอกนะว่าต้องอึบกันด้วย” ครั้งนี้เลิกคิ้วถาม มองออกว่าประชด อินทุอรจึงโคลงศีรษะใส่ก่อนถอนใจเฮือก
“เอาที่พี่เต้สบายใจเลยค่ะ”
เธออะ ไม่ใช่คนเรื่องมาก... อินทุอรบอกตัวเองก่อนจะกะพริบตาปริบ ๆ รีบหันกลับไปมองคนที่กำลังนั่งยกยิ้มมุมปาก ตาเป็นประกาย
“ดะ เดี๋ยว ตะกี้พี่เต้พูดว่าอะไรนะคะ”