เรื่องราวของ ‘เจี่ยนเหยียน’ ซึ่งเป็นวิญญาณจากยุคปัจจุบัน ที่ย้อนไปอยู่ในร่างทารก ความคิดความอ่านหลายๆ อย่าง จึงไม่คล้อยตามผู้คนในยุคนี้ค่ะ
ได้ทะลุไปอยู่ร่างบุตรสาวตระกูลพ่อค้าธรรมดา ต้องถูกเลี้ยงดูมาอย่าง ‘ม้าผอมแห่งหยางโจว’ เล่าเรียนศาสตร์ศิลป์ทุกอย่าง ไม่อาจกินอาหารได้ตามใจปาก รูปร่างต้องผอมบางอรชรอ้อนแอ้นอยู่เสมอ
วันหนึ่งวันใดอาจถูกขายให้กับขุนนางแก่คราวพ่อ ดีหน่อยอาจได้แต่งเป็นอนุของขุนนางชั้นสูง คนสมัยใหม่ที่อยู่ในจุดนั้นต้องทำอย่างไร
ก็เหมือนเจี่ยนเหยียนที่มีมารดาคอยบงการ กะเกณฑ์ให้ชีวิตนางเดินไปบนเส้นทางนั้น สำหรับเจี่ยนเหยียนแล้วนี่ไม่ใช่ทางที่นางต้องการเลยค่ะ นางจึงเก็บหอมรอมริบ ตระเตรียมทางหนีจากชะตากรรมพวกนั้นเสียแต่เนิ่นๆ
ทว่าในช่วงเวลาที่ครอบครัวนางย้ายไปอยู่ในจวนสกุลสวีที่เป็นญาติกันนั้น นางย่อมไม่นึกฝันว่าตนเองจะไปต้องตาใครบางคนในสกุลสวีเข้า...ชีวิตเจี่ยนเหยียนในจวนสกุลสวีจะวุ่นวายเพียงใด
นางจะหนีรอดจากวังวนการเป็นอนุของผู้อื่นได้หรือไม่ และบุรุษสกุลสวีผู้นั้นจะรุกคืบหัวใจนางอย่างไรบ้าง
ชาตินี้ไม่ขอเป็นอนุ! เล่ม 2
ยิ่ง ‘เจี่ยนเหยียน’ หลีกเลี่ยงเพียงใด ‘สวีจ้งเซวียน’ ก็ยิ่งไล่ตามเท่านั้น... ทั้งที่เขามีญาติผู้น้องคอยเฝ้าตามรักขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลับเมินไม่แยแส แล้วเอาแต่จับจ้องบุตรสาวจากตระกูลพ่อค้าอย่างนาง
ผู้ที่คอยเอาแต่หลบเลี่ยงสายตา แล้วเอาแต่เหน็บแนมเขาในใจเช่นนี้! แล้วท่าทีเหล่านั้นคืออะไร การร้องขอสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ จากนางราวกับเด็กน้อย ทำให้คนยากจะปฏิเสธ
ท่าทีพึงพอใจอันแสนเรียบง่าย ไม่ถือตัวของเขาค่อยๆ ซึมลึกเข้ามาในใจนางทีละนิดโดยไม่รู้ตัว แต่ที่นางคาดไม่ถึงยิ่งยวดก็คือเขาถึงกับขี่ม้าข้ามเมืองดึกดื่นค่อนคืนเพียงเพื่อมามอบขนมดอกไหวให้! คนผู้นี้ราวกับกลัวทั้งโลกจะไม่ล่วงรู้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางอย่างไรอย่างนั้น
บางทีหากเขาไม่ให้นางต้องกล้ำกลืนใช้ชีวิตเป็นอนุ ไม่แน่... นางอาจยอมรับคนผู้ก็ได้!