กฤติกาอ่านข่าวด้วยอารมณ์เดือดพล่าน...ข่าวสำคัญขนาดนี้ ทำไมถึงไม่มีใครแจ้งเธอในทันที ปล่อยให้เวลาล่วงมาจนครึ่งค่อนวัน ญาฎา...นางแบบน้องใหม่ ถูกรุ่นพี่ในดวงใจลวงพบหนุ่มใหญ่ ถูกรถชนบาดเจ็บขณะหนีเอาตัวรอด อาการเป็นตายเท่ากัน... รุ่นพี่ในดวงใจ...ใครก็รู้ว่าจะหมายถึงใครไปไม่ได้นอกจากเธอ... แล้วหนุ่มใหญ่ล่ะ... ใบหน้าหยาบกร้าน นัยน์ตาเล็กแฝงแววเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มผุดขึ้นมาแทบจะในทันที แค่นึกถึง...เธอก็สะอิดสะเอียนจนขนลุกขนชัน... นายเชิดชัย ลีอดุลย์ เสี่ยโรงอาบอบนวด ที่หันมาจับธุรกิจสปา และนำเข้าเครื่องสำอางประทินโฉมจากฝรั่งเศส กระทั่งกลายมาเป็นนายทุนคนสำคัญของวงการนางแบบและวงการบันเทิง...ชี้นิ้วให้ดารา นักร้อง หรือนางแบบเกิดหรือดับมาแล้วนักต่อนัก...ด้วยข้อแม้ง่าย ๆ...แค่ยอม! ใบหน้างามเชิดขึ้น ผู้ชาย...เพศที่หลงตัวว่าตัวเองมีกำลังอำนาจกดขี่ผู้หญิงไว้เพียงเพื่อเป็นที่รองรับราคะอารมณ์ใคร่หยาบกระด้างของตัว หากไม่เคยคิดที่จะยกย่องขึ้นมาให้เท่าเทียม เหมือนที่คุณหญิงชลมาศ...มารดาของเธออึดอัดคับข้องขุ่นเคืองมาตลอดชีวิต…ตั้งแต่เจ้าสัวชำนิที่เห็นแต่ความสำคัญของลูกชาย มาจนถึงนายพลไกรฤกษ์ ผู้เป็นสามีที่เจ้าชู้ไม่เลือก กระทั่งลูกชายของนางเองที่กุมอำนาจสิทธิ์ขาดในทรัพย์สมบัติทุกอย่าง คอยควบคุมความประพฤติของนางและกฤติกาแทบจะทุกฝีก้าว ...จำไว้นะกิ๊ก...อย่าให้ผู้ชายหน้าไหนมามีอำนาจเหนือเราเด็ดขาด...ลูกก็เห็นแล้วว่าแม่ต้องทนทุกข์กับความไม่ยุติธรรมของพวกมันขนาดไหน...เมื่อไหร่นะไอ้พวกนี้มันจะตาย ๆให้หมดโลก อยากรู้นักว่าถ้ามันไม่มีเพศแม่ มันจะได้ออกมาทำอวดเบ่งอย่างนี้ไหม... เสียงมารดาที่เฝ้าตอกย้ำมาตั้งแต่เด็ก กลายเป็นรากหยั่งลึกฝังแน่นอยู่ในจิตใจโดยไม่รู้ตัว มองผิวเผิน เธอเหมือนผู้หญิงเจ้าชู้ คบผู้ชายไม่ซ้ำหน้า เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น หากจะมีสักกี่คนที่รู้ว่ากฤติกาขยะแขยงผู้ชายชนิดที่ใครก็นึกไม่ถึง...โดยเฉพาะผู้ชายอย่างนายเชิดชัย หญิงสาวระบายอารมณ์ด้วยการขยำหน้าหนังสือพิมพ์ในมือ ขว้างข้ามห้องไปกระทบผนังห้องฝั่งตรงข้ามก่อนจะตกลงตรงหน้าคนที่เพิ่งเดินเข้ามา จึงทักเสียงขุ่น ๆ “กลับเร็วนี่พี่กฤต เพิ่งจะเที่ยงเอง” “เพราะเรื่องของเรานั่นแหละ ทำวุ่นวายไปหมด อ่านข่าวแล้วสินะ...มีอะไรจะแก้ตัวบ้างไหม” ไหล่บางยักขึ้นอย่างไม่ยี่หระ “ไม่เห็นมีอะไร ก็แค่คนอยากดังทางลัด มันก็จบอย่างนี้แหละ” “กฤติกา...” เสียงเฉียบขาดของพี่ชายทำให้เธอต้องลดท่าทีลง “พี่กฤต...นี่พี่กฤตจะเชื่อข่าวบ้า ๆ นี่มากกว่าน้องตัวเองหรือคะ” “แล้วเรื่องมันเป็นมายังไง” “ใครจะไปรู้ล่ะ” หญิงสาวทำปากยื่นอย่างขัดใจ “เบื่อจริง ๆ ไอ้พวกเขียนข่าวพวกนี้ ไม่รู้จริงสักอย่าง” “แล้วเรื่องจริงเป็นอย่างไรล่ะ” ผู้เป็นพี่ชายยังซักต่อ ออกจะระอาพฤติกรรมของน้องสาวเจ้าอารมณ์ “ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้ พี่กฤตจะมาถามเอาอะไรจากกิ๊กคะ” กฤตนัยหน้าตึงกับน้ำเสียงฉุนเฉียวของน้องสาว “พี่ไม่ต้องการอะไรจากเธอ แต่ทางนั้นสิเขาต้องการ...” “ทางไหนคะ” “นางแบบรุ่นน้องของเธอไง ญาติของเขาให้ทนายติดต่อมาแล้ว” “ฮึ...พวกหิวเงิน อยากดัง...กิ๊กเข้าใจแล้ว นี่พวกมันคงให้ข่าวนี้กับนักข่าวล่ะสิ จะได้มีทางได้เงินฟรี ๆ อย่าหวังไปเลย” กฤติกาพูดอย่างดูแคลน “แกไม่ควรพูดถึงพวกเขาอย่างนั้น!” น้ำเสียงกังวานทรงอำนาจขัดขึ้นพร้อมกับร่างของบุรุษสูงวัยที่เดินตามรุจรวีเข้ามา “คุณปู่!...” สองพี่น้องอุทานออกมาพร้อมกัน จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไร ในเมื่อเกริกแทบจะไม่เคยเหยียบย่างมาที่คฤหาสน์วงเดือนแห่งนี้ “คุณปู่มาทำอะไรที่นี่คะ” กฤติกาลุกขึ้นไปประคอง จะอย่างไรเธอก็เป็นหลานรักของเกริก เขาเป็นน้องชายของไกร ผู้เป็นปู่แท้ ๆ ที่เสียไปแล้วของทั้งคู่ แม้จะล่วงเข้าวัยเจ็ดสิบปี หากเกริกยังมีบุคลิกผึ่งผายแข็งแรงกระฉับกระเฉง “มาดูเรื่องยุ่ง ๆ ที่แกทำไว้น่ะสิ” “คุณปู่เชื่อข่าวบ้า ๆ นั่นด้วยหรือคะ” กฤติกาละมือจากผู้เป็นปู่ในทันที เดินกระแทกเท้ากลับไปนั่งที่เดิมของตน โดยไม่สนใจมารยาท “ข่าวน่ะฉันไม่เชื่อหรอก แต่ฉันเชื่อป้าของหนูญาฎา” “หนูญาฎา…” ทวนเสียงขึ้นจมูก “นี่คุณปู่ไปรู้จักสนิทสนมกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่” “ยัยกิ๊ก” เกริกเรียกหลานสาวเสียงดัง “พูดถึงคนอื่นให้ดี ๆ หน่อย...นี่แม่แกเขาไม่สั่งสอนแกบ้างหรือไง” “กิ๊กก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ว่าคุณแม่สอนกิ๊กหรือเปล่า แต่คุณปู่เองก็พูดไม่ดีกับกิ๊กเหมือนกัน ตั้งแต่มามาถึง ก็เรียกกิ๊กว่าแกอย่างนั้นแกอย่างนี้...ใครสั่งสอนมาหรือคะ” กฤติกาต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรง “กฤติกา!...ขอโทษคุณปู่เดี๋ยวนี้นะ...” กฤตนัยสั่งเสียงเฉียบขาด มองน้องสาวด้วยสายตาขุ่นเคือง หากเกริกโบกไม้โบกมือ “ช่างมันเถอะตากฤต...มันเป็นซะแบบนี้แหละ ถึงได้ไม่มีใครขอไปทำเมียสักคน อายุจะสามสิบอยู่รอมร่อแล้ว พ่อหนุ่มคนนั้นก็โชคดีนะที่หนีมันไปตอนวันหมั้น ฉันล่ะเข้าใจ ไม่นึกโกรธเลยสักนิด” เกริกยกเรื่องเก่าที่เหมือนหนามยอกอกของหลานสาวมาพูดเพื่อแก้เผ็ด สองปู่หลานจ้องหน้ากันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ...หากคนที่อยู่นอกวงรู้ดีว่าเกริกนั้นรักและเอ็นดูกฤติกามากมายขนาดไหน ทั้ง ๆ ที่ปะทะคารมกันเป็นประจำ “คุณปู่มาทำไมครับ” กฤตนัยสอดขึ้นก่อนที่เรื่องราวจะบานปลาย “มาเรื่องที่เราพูดค้างไว้เมื่อกี้” เกริกตอบ “หมายถึงเรื่องที่ทางเจ้าทุกข์เขาติดต่อยื่นข้อเสนอมาหรือครับ” “พวกมันจะเอาอะไร...” กฤติกาถามแทรกด้วยน้ำเสียงไม่น่าฟัง “ไม่ต้องให้อะไรมันทั้งนั้น กิ๊กไม่ได้ทำอะไรผิด” “แต่พวกเขาบอกว่าแกนัดญาฎาออกไปเจอกับเสี่ยเชิดชัยอะไรนั่น นี่ดีนะที่เขาหนีออกมาได้ ปู่ไม่คิดเลยว่าแกจะเลวถึงขนาดนี้” “คุณปู่! นี่หมายความว่าคุณปู่เชื่อพวกมันหรือคะ” “ ‘พวกมัน’ ที่แกพูดถึงคือคุณประภา เพื่อนของปู่ และเป็นป้าของหนูญาฎา” น้ำเสียงที่เรียกชื่อคุณประภานั้นอ่อนโยนสะดุดหูจนกฤติการู้สึก “ ‘เพื่อน’แน่หรือคะคุณปู่...” “ตอนนี้ยังเป็นเพื่อน แต่อีกไม่นานเขาจะมาเป็นย่าแกอีกคน ถ้าแกไม่ทำอะไรเลว ๆ แบบนี้” “หมายความว่าคุณปู่จะแต่งงานใหม่” กฤติกาพูดเสียงแหลมสูงอย่างตกใจ “ตอนแก่นี่นะคะ เฮอะ...แล้วคุณอะไรของคุณปู่นี่อายุเท่าไรคะ เท่าคุณแม่ได้มั้ย คุณปู่จะแต่งกับคนรุ่นลูกหรือคะ” “นั่นมันเรื่องของฉัน ฉันคงจะได้แต่ง ถ้าแกยอมรับผิดแล้วไปดูแลพยาบาลหนูญาฎาตามที่ทางนั้นยื่นข้อเสนอมา” “อะไรนะคะ!” กฤติกาอุทาน “จะให้กิ๊กไปดูแลแม่นั่น… บ้าน่ะสิ พยาบาลออกเต็มบ้านเต็มเมือง เรื่องอะไรจะต้องให้กิ๊กไปดูแล” “แต่แกต้องไป...นี่เป็นคำสั่งของปู่” “แต่กิ๊กไม่จำเป็นต้องทำตาม...” สวนทันควัน “...ตอนภวีร์ไม่สบาย แค่ไปเยี่ยมกิ๊กยังเอือมเต็มทน แล้วแม่นี่เป็นใครกิ๊กถึงต้องไปดูแลพยาบาลมันด้วย” “ถ้าแกไม่ทำ เขาจะดำเนินคดีกับแกข้อหาล่อลวง ทีนี้แกก็เข้าไปนอนในตารางก็แล้วกัน” “มีหลักฐานอะไรว่ากิ๊กล่อลวง แม่นั่นบอกหรือคะ” “หนูญาฎาน่ะหรือ เพราะแกนั่นแหละ เขาถึงวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงออกมาให้รถชน หัวฟาดพื้นอย่างแรง จนป่านนี้ยังไม่ได้สติ หมอบอกว่าอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา” “เจ้าหญิงนิทรา...” กฤติกาทวนคำหน้าซีด “ใช่...แกมันบาปหนา...” “กิ๊กบอกแล้วว่ากิ๊กไม่ได้ทำ” “แกเลิกโกหกสักที” เกริกตวามด้วยความโกรธเคืองแกมผิดหวังในตัวหลานสาวคนโปรด “ยังไงซะแกก็ต้องไปดูแลเขาเป็นการไถ่โทษ” “คุณปู่ไม่ยุติธรรม คุณปู่เห็นแก่ตัว กลัวว่าคุณประภาจะไม่ยอมแต่งงานด้วยเลยบังคับกิ๊ก กิ๊กไม่มีทางทำตามหรอก” “เธอควรทำนะกิ๊ก...นี่ดีแค่ไหนที่เขายื่นข้อเสนอมาให้ แทนที่จะให้ตำรวจมาจับตัวเธอไป” กฤตนัยพูดขึ้นบ้าง “อยากจับนัก ทำไมไม่ไปจับนายเชิดชัยล่ะ ก็รู้อยู่แล้วว่าถูกมันปล้ำเอาถึงได้หนีจนถูกรถชน จะมายุ่งกับกิ๊กทำไม” หนังสือพิมพ์อีกฉบับถูกยื่นมาตรงหน้าทันควัน เสี่ยเจ้าของสปาชื่อดัง...หายตัวลึกลับ...คาดแค้นส่วนตัว... กฤติกาหน้าซีด... “นี่เพื่อนคุณปู่ทำถึงขนาดนี้เชียวหรือคะ แล้วคุณปู่ยังอยากแต่งงานกับคนโหด***มพรรค์นี้อีกหรือ” “ใครบอกแกว่าคุณประภาทำ” “ก็เห็นว่าแก้แค้น” “คนที่แค้นเสี่ยเชิดชัยน่ะมีเป็นร้อย คนอย่างคุณประภาไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก ว่าแต่แกเถอะ...” “กิ๊กทำไม...ตัวต้นเหตุก็โดนอุ้มแล้วยังจะมาเอาอะไรกับกิ๊กอีก” “เพื่อน ๆ ของญาฎาทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าญาฎาบอกว่ามีนัดกับเธอ” ผู้เป็นพี่ชายบอกด้วยสุ้มเสียงรำคาญที่น้องสาวเอาแต่ปฏิเสธ “ใช่ แต่นั่นมันตั้งหลายวันแล้ว นี่มันข่าววันนี้ จะเกี่ยวกับกิ๊กได้ยังไง” “นี่แกไม่ได้อ่านให้ละเอียดล่ะสิ เรื่องมันเกิดตั้งแต่วันที่เขานัดกับแกนั่นแหละ แต่เขาปิดข่าวกันไม่อยากให้หนูญาฎาเสียหาย แต่สุดท้ายก็ปิดไม่มิดอยู่ดี พอนักข่าวได้กลิ่น ถามไปถามมาถึงได้รู้ว่าเรื่องเกิดจากแก” “ว่าไงนะคะ...” หญิงสาวย้อนถามเสียงสูง มองหน้าพี่ชายสลับกับผู้เป็นปู่ สายตากล่าวหาสองคู่ที่มองกลับทำให้เธอแทบจะร้องกรี๊ดออกมาด้วยความขุ่นเคือง “มองกิ๊กอย่างนั้นแสดงว่าไม่เชื่อ กิ๊กบอกแล้วว่ากิ๊กไม่รู้เรื่อง ทำไมไม่เชื่อกันบ้างนะ” คำถามของหลานสาวทำให้เกริกยิ้มหยัน “เพราะเป็นแกไง ถึงไม่มีใครเขาเชื่อ หรือถึงปู่จะเชื่อ คนอื่นก็ไม่เชื่ออยู่ดี” “แสดงว่าคุณปู่เชื่อกิ๊กหรือคะ” กฤติกาใจมา เกริกพิจารณาใบหน้างามของหลานสาวอย่างลังเล “ในกรณีนี้มันไม่ได้ขึ้นกับว่าปู่จะเชื่อแกหรือเปล่า แต่อยู่ที่ว่าทางนั้นเขาปักใจเชื่อว่าแกเป็นต้นเหตุ” “หมายความว่ายังไงคะ” “หมายความว่าถึงพวกเราจะเชื่อเธอ แต่ถ้าทางนั้นยื่นข้อเสนอมาแบบนี้ เธอก็ควรจะทำตาม” กฤตนัยไขข้อข้องใจของน้องสาว “คุณปู่กับพี่กฤตจะไม่คิดจะช่วยกิ๊กหรือคะ” หญิงสาวถามอย่างน้อยใจ “แกต้องไถ่บาปที่แกทำ” เกริกยืนยันคำเดิม “เอ๊ะ...นี่แสดงว่าไม่เชื่อกิ๊กใช่มั้ย” เสียงแหลมปรี๊ดของกฤติกาทำให้กฤตนัยและเกริกเบือนหน้าหนี โดยเฉพาะกฤตนัย...เขายังจำเมื่อครั้งที่ภรรยาถูกน้องสาวทำร้ายจนต้องคลอดลูกก่อนกำหนดได้ติดตาติดใจ กฤติกามองพี่ชายและปู่ด้วยสายตาผิดหวังแกมขุ่นเคือง ใบหน้างามเชิดขึ้น “กิ๊กไม่สนใจว่าใครจะว่ายังไง แต่กิ๊กไม่ไปไหนทั้งนั้น ใครก็ทำอะไรกิ๊กไม่ได้ คิดดูสิหมอบอกว่ามันอาจเป็นเจ้าหญิงนิทรา ใจคอพี่กฤตกับคุณปู่จะให้กิ๊กแก่หงำเหงือกไปกับมันหรือคะ” “เขาบอกว่าแค่หกเดือนเท่านั้น” “จะวันเดียว กิ๊กก็ไม่ไป อย่ามาบังคับกันดีกว่า” “แกต้องไป ถ้าแกไม่ไปฉันจะไม่นับญาติกับแกอีกเลยตลอดชีวิต” เกริกยื่นคำขาด “เรื่องของคุณปู่ ไม่นับก็ไม่นับ ไม่เห็นง้อเลย” “แก...” เกริกโกรธจนเสียงสั่น “ถ้าเธอไม่ไป พี่จะตัดเงินเธอ แล้วคงให้เธอออกจากบ้านนี้ด้วย” “ตามใจสิคะพี่กฤต จะตัดก็ตัดไป กิ๊กมีงานมีเงิน ไม่เห็นง้อเลย ไม่อยู่บ้านนี้...กิ๊กไปอยู่คอนโดของตัวเองก็ได้” กฤตนัยยิ้มหยันกับคำพูดอวดดีของน้องสาว “ลืมไปแล้วหรือว่าที่เธอต้องมาอยู่ที่นี่ เพราะขายคอนโดไปแล้ว หรือเธอจะหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับคุณแม่ที่อังกฤษล่ะ...” กฤติกาเบ้หน้า ให้เธอไปอยู่กับมารดาน่ะหรือ...ให้เธอตายซะดีกว่า... ทุกวันนี้เธอยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดมารดาที่พร่ำบ่นถึงความเห็นแก่ตัวของเพศชายจึงยอมแต่งงานอีกครั้ง โดยเฉพาะผู้ชายที่นางเลือกแต่งด้วย นอกจากรวยแล้วไม่เห็นมีอะไรดี กฤติกาแสนจะเกลียดสามีใหม่จอมขี้หลีของมารดา ทำตัวเป็นผู้ดีอังกฤษแต่ลับหลังคุณหญิงชลมาศ ก็เข้ามากะลิ้มกะเหลี่ยเอากับเธอ หวังจะได้ทั้งลูกทั้งแม่ “อ้อ...จะบอกให้นะว่า...เมื่อกี้ผู้จัดการของเธอโทรมาบอกว่า งานของเธอถูกยกเลิกหมดแล้ว” เสียงพี่ชายพูดต่อ “มันกล้าดียังไง” กฤติกาถามอย่างไม่พอใจ “เขาน่ะไม่กล้าหรอก แต่ทางผู้ใหญ่และพวกสปอนเซอร์สั่งมา เรื่องที่เธอทำมันเลวร้ายมากนะ เธอควรพิจารณาตัวเองให้ดี” “กิ๊กบอกกี่ครั้งแล้วว่ากิ๊กไม่ได้ทำ พี่กฤตต้องช่วยกิ๊กนะ ให้เงินพวกนั้นไปก็ได้” หญิงสาวเปลี่ยนใจ พูดกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง กฤตนัยเห็นสายตาวิงวอนของน้องสาวแล้วอดใจอ่อนไม่ได้ “พี่จะ...” “ไม่มีใครเขาอยากได้เงินของแกหรอก” เกริกแทรกขึ้น “เงินทองเขาออกเหลือเฟือ เขาอยากให้แกรับผิดชอบในสิ่งที่แกทำต่างหาก...ไม่ต้องไปช่วยมัน ตากฤต...คนแบบนี้ต้องให้ได้บทเรียนซะบ้าง” “คุณปู่ใจร้าย...คุณปู่อยากได้ป้าของนังนั่นใช่มั้ย ถึงได้บังคับกิ๊ก” เกริกเงื้อมือตบหน้ากฤติกาทันทีที่จบประโยคท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนในที่นั้น “ให้มันมีสัมมาคารวะกันบ้างนะ” เกริกตวาด นางแบบสาวยกมือขึ้นกุมแก้ม ประสานสายตากับคนเป็นปู่ด้วยความโกรธเคือง ตั้งแต่เกิดมา...นี่เป็นครั้งแรกที่เกริกลงไม้ลงมือกับเธอ...นี่แหละ...เพศชาย...ให้ดียังไง สุดท้ายก็ใช้กำลังกับผู้หญิง ไม่เว้นแม้แต่ปู่ที่รักเธอนักหนา... “เอ่อ...ขอโทษค่ะ...” รุจรวีแทรกขึ้น “รุจว่าเราควรจะฟังคุณกิ๊กบ้าง” รุจรวีแทรกขึ้น หลังจากดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ มานาน จะอย่างไรก็ทำใจให้เชื่อไม่ลงว่าผู้หญิงอย่างกฤติกาจะทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้นในระยะหลัง “เธอไม่ต้องแส่... เรื่องในครอบครัว คนอื่นไม่เกี่ยว” กฤติกาแหวกลับ ไม่รู้ตัวสักนิดว่าความหยาบคายของตนทำให้พี่ชายที่เริ่มใจอ่อนเปลี่ยนใจ “พอที! รุจเป็นพี่สะใภ้ของเธอนะ จะพูดจะจาให้รู้จักเคารพกันบ้าง...เอาเป็นว่าพี่ยกเรื่องนี้ให้คุณปู่ตัดสินใจ พี่จะไม่ยุ่งกับเธออีก” กฤตนัยมองน้องสาวอย่างหมางเมิน โอบไหล่ภรรยาเดินออกจากห้อง รุจรวีมองข้ามไหล่ตัวเองเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างคุมแค้นของกฤติกา “พี่กฤตบ้า...เห็นเมียดีกว่าน้อง”
|