ความรักเปรียบเหมือน “สงคราม” เมื่อเกิดความรักและรักนั้นไม่เป็นอย่างใจหวัง แม้จะไม่เสียเลือดเสียเนื้อ หากความรู้สึกที่สูญเสียก็เจ็บปวดทรมาน ดังนั้นผู้ที่จะชนะสงครามแห่งรักได้ ต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจแข็งแกร่งปานศิลา จึงจะไม่มีสิ่งใดมาทำลายความรัก ความศรัทธาในใจได้ ดังเช่นเขาและเธอ ภูชิชย์-นริศรา กว่าจะเข้าใจกัน กว่าจะตัดสินใจร่วมชีวิตกัน ใช้เวลายาวนาน “คุณภูเขารักฉันมาก แม้แต่จะแต่งงาน คุณภูก็เลือกผู้หญิงที่มีหน้าตาคล้ายกับฉัน เขาแต่งงานกับยายนิดคนนั้น เพราะหน้าตายายนิดเหมือนกับฉัน เจ้าน้อยยังพูดเลย” วาจานั้นออกจากปากของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งนริศรารับรู้มาโดยตลอดว่าเป็นผู้หญิงคนแรกที่ภูชิชย์รักและต้องการแต่งงานด้วย แต่แล้วก็พลาดกันไป ผู้หญิง ต่อให้เข้มแข็งอย่างไร ก็ย่อมอ่อนไหวด้วยลมปาก “จริงสิ เขาไม่เคยแม้แต่จะบอกรักสักคำ” นริศราจ่อมจมอยู่กับความคิดของตน หัวใจที่ตั้งอยู่ในความหวาดระแวง จึงค่อยๆ อ่อนล้า จนในที่สุดท้อถอย…หากเสี้ยววินาทีสุดท้ายที่ตัดสินใจ ลางบางเหตุบางอย่างก็เหนี่ยวรั้งเธอไว้กับเขาจนได้ คนรักกัน หัวใจเดียวกัน คิดเหมือนกัน และสุดท้ายรักกัน แม้อุปสรรคจะมีมากขนาดไหน สายใยรักก็ไม่มีวันขาดออกจากกัน เรามาดูกันว่า ระหว่างผู้หญิงที่พูดน้อย แต่ทำงานหนัก และไม่เคยย่อท้อ ในหัวใจเธอคิดอย่างไร และผู้ชายที่เคร่งขรึมพูดน้อยเช่นกัน จะกล้าบอกรักกับผู้หญิงที่ครองหัวใจเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันได้ไหม ภูชิชย์-นริศรา เขาและเธอจะยอมโอนอ่อนผ่อนปรนต่อความรู้สึกแน่นเหนียวในหัวใจหรือไม่ และที่สำคัญ ผู้ชายอย่างภูชิชย์ จะปากแข็งขนาดไหน ในเมื่อภายในอ่อนไหว ร่ำร้องเรียกหาแต่นริศราไม่เว้นวาย! จาก “รักประกาศิต” ถึง “ภูชิชย์-นริศรา” บทประพันธ์รักของ ก.สุรางคนางค์ ถ้าหากนับการเดินทาง คงเป็นระยะทางที่ยาวไกล แต่ ก.สุรางคนางค์ ก็ทำให้ผู้อ่านได้ประทับใจอย่างมิรู้ลืม ภูชิชย์-นริศรา ดูแล้วอาจเป็นเรื่องของคนสองคน แต่แท้จริงแล้วมิใช่เลย กลับกลายเป็นเรื่องราวของคนหลายคน ที่มีวิถีชีวิตให้ต้องมาเดินในเส้นทางเดียวกัน หลายสิ่งหลายอย่างที่สอดแทรกในเนื้อหา ล้วนเป็นข้อเตือนใจในการดำเนินชีวิตทั้งสิ้น หากสิ่งหนึ่งที่ ก.สุรางคนางค์ ตั้งใจบอกกล่าวกับทุกคน เมื่อรักแล้ว ขอให้รักนั้นมั่นคง และเมื่อรักนั้นมั่นคง ขวากหนามใดก็ไม่อาจทำลายรักนั้นได้!
|