บทความระทมทุกข์พระทัย บนความเสื่อมเสียพระเกียรติสักดิ์อย่างแสนสาหัส ในวันซึ่งจำต้องเสด็จออกจาก อโยธยา..สู่หงสาวดี ดินแดนแห่งอริราชผู้ย่ำยีชาติแหลกลาญ วันซึ่ง...กระแสเศร้า กระแสแค้น กระแสขื่นอวลอลในหัวใจไทยทุกดวง แลวันนั้น พระสุพรรณกัลยา บัวทองแห่งแผ่นดิน กลีบหล่นกระจาย ณ วันจำจากแผ่นดินอโยธยาในครั้งนั้น พระสุพรรณกัลยาทรงตั่งสัจจาอธิษฐาน จากวันนี้...วิญญาฯแห่งข้าพระพุทธเจ้า ขอวางไว้แทบเบื้องบาท จักเหลือแต่ร่างอันต้องไปกระทำหน้าที่เพื่อแผ่นดินและเชื้อสาย หงสาวดีอย่าหมายได้วิญญาณข้าบาทธาตุสังขารที่จะต้องไปฝังยังแผ่นดินอริราช ทุกหยาดหยดแห่งเลือด ทุกชิ้นแห่งเนื้อข้าบาท จะก่อความร้อนอันเหลือคณนา แผ่นดินหงสาฯจะลุกเป็นไฟ ท้ายสุดจักพินาศเศวตฉัตรยังมิอาจปักอยู่ได้ หงสาฯ จักประลัย ไม่เหลือแม้ซากนาคร... ใน กษัติยา จารึกสุนทรพระวาจานี้ไว้เฉกนี้ และยังกล่าวถึงเหตุการณ์ในภายหน้า คำสัตยามีผลเช่นไร เรา-ท่านทั้งหลายได้รู้กัน ใน แก้วกัลยาแห่งแผ่นดิน เรื่องราวแห่งพระสุพรรณกัลยา พระพี่นางเธอของสมเด็จพระนเรศวรเจ้า และสมเด็จพระเอกาทศรถ พระผู้ฝากพระหทัยและวิญญาณของพระองค์ท่านไว้ ณ แผ่นดินอโยธยา เพียง ร่าง เท่านั้น มากระทำหน้าที่ ณ หานตวดี! ณ แผ่นดินในพระราชฐาน ใจกลางกรุงหงสาวดี เมื่อ ขัตติยนารี อยู่ตรงนั้น อโยธยาได้ประโยชน์อย่างไร ขัตติยนารีผู้วึ่ง บุเรงนอง ชนะสิบทิศ เรียกขานอย่างหมดหัวใจว่า โยงเจ...โยงเจ อันแปลความหมายว่าเชื่อหมดใจ...ไว้เนื้อเชื่อใจโดยแท้ ยังไม่นับนาม อะเมี่ยวโยง...นางผู้มีความเชื่อมั่นในเผ่าพันธุ์ตนเป็นที่ยิ่ง พระสุพรรรกัลยาจะไม่เป้นเช่นนี้ได้อย่างไร เมื่อพระนางรู้เต็มหัวใจ ลูกคือส่วนที่แยกจากกายแม่ ลูกจึงเป็นที่รักแห่งแม่เสมอ พระนางยังตรัสกับพระบิดา ลูกเอ๋ย...ยกเว้นแต่แผ่นดิน แม่รักเจ้าเหนืออื่นใด! นี่คือพระหทัยของผู้เป็น...แก้วกัลยาแห่งแผ่นดิน สุพรรณกัลยา ขัติยนารี ผู้ทรงโฉม พระฉวี ปนสุวรรณ อันเฉิดฉาย ย่างพระบาท เสด็จลับ มิคืนคลาย ทิ้งพระนาม ให้จารไว้ มิลืมเลือน! กษัตริยา...มีหหน้าที่กระทำให้แผ่นดินตน เนตรต้องคมดุจของ้าว โลมเล้าดุจธนูเพลิง ล่อให้ฮึกเฮิม มึนมัวเฉกเมรัย สตรีมิใช้สองหัตถา หากทั้งกายาคือศัตราภัย พระสุพรรณกัลยาทำได้ ดั่งถ้อยปฏิญาณ ทุก การข่าว จากใจกลางหงสาวดี มุ่งไปสู่...กรุงอโยธยา ถึงมือ ตองเจ นามที่พม่าพรั่นพรึงทุกยามที่เรียกขาน นามนั้นคือนามหนึ่งของพระนเรศวรเจ้า พระมหาราชพระกษัตราธิราช อันเป็นที่เคารพรักยิ่งของชนชาวไทย รู้เขารู้เรา รบครั้งไหน ชนะครั้งนั้น พุทธศักราช ๒๑๒๓ พระนเรศวรมหาราชทรงสุวรรณภิงคาร หลั่งอุทกธาราเหือพสุธา ประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแครง! พุทธศักราช ๒๑๓๕ พระนเรศวรเจ้า ทรงกระทำศึกยุทธหัตถี พระมหาอุปราชมังกยอชวา ขาดคอช้าง ณ หนองสาหร่าย สุพรรรบุรี ทั้งสองเหตุการณ์สำคัญ ส่งผลต่อพระสุพรรรกัลยาเช่นไร ดั่งที่ทมยันตีตั้งคำถามว่า...ถ้าเป็นเราต้องตกในสภาพเช่นนั้น จะทำอย่างไร?แก้วกัลยาแห่งแผ่นดิน คือคำตอบแห่งพระนางเธอ! ...ไฟสุมขอนเกิดจากประกายนิดเดียวเท่านั้น แม้ช้าก็ลุกลาม โดยปราศจากผู้รู้เห็น ไฟเร้นลุกร้ายกว่าไฟป่าเราจะทำศึกใน ช่วยทุกคนทำสึกนอก ไฟสุมขอน ไม่มีควันให้เห็นความ กว่าจะรู้ก็เป็นเถ้าถ่านหมดลง บอกนเรศด้วยว่า อย่าห่วงหาชีวิตเรา เราตายตั้งแต่ออกจากอโยะยา จะทิ้งศพไว้ที่นี่ รอให้นเรศเข้ามา ใช้หงสาวดีเป็นเมรุมาศจุดเพลิงเรา! เราไม่เคยเริ่มข่มเหงใคร เราเพียงทวงค่าชดใช้เลือดไทยของเรา เพียงบอกให้รู้ ไทยนี้รักสงบ...แต่ถึงรบไม่ขลาด ไม่เพียงไม่ขลาด แต่ยังเหี้ยมหาญต่อทุกอริราชเช่นนี้เสมอมา พุทธศักราช ๒๑๓๘ พระนเรศวรเจ้าเหยียบหงสาวดี! พุทะศักราช ๒๑๔๒ จำไว้...วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ หงสาวดีแตก! หงสาวดีเหลือแต่เถ้าถ่าน เศวตรฉัตรพังภินท์ หงสาวดีเป็นเมรุมาศจุดเพลิงเรา...ดั่งสัจจาธิษฐาน สุพรรณกัลยา พระผู้ยอมระทมขมขื่น...พระวิญญา ยอมสละพระชมมา...เพื่อแผ่นดิน! กลัวตาย ก็ต้องตาย ฤมีโครจะหนีทัน ไม่ต้อง ถึงวัน สิจะต้องมรณา กษัตริย์ ชาตินักรบ ไยกลัยพบวันิส้นชีวา ชีวิต จะมีค่า เมื่อใช้เพื่อแผ่นดินตน! พระสุพรรณกัลยา พระผู้เป็น...แก้วกัลยาแห่งแผ่นดิน
|